Monday, June 09, 2014

เราคือผู้บงการ


เราคือผู้บงการ

        เราคือผู้บงการเรื่องทุกข์สุขดีใจเสียใจด้วยตัวเราเอง ความสำเร็จหรือล้มเหลว เราก็ควรเป็นผู้บงการเอง ชีวิตจะไปทางใด เราคือผู้บงการเอง จะเป็นราชาเป็นยาจก เป็นสัตบุรุษ เป็นนักปราชญ์ เรายิ่งต้องเป็นผู้บงการเอง คนเราควรเป็นเจ้าของชีวิตของตนเอง

        โบราณท่านว่า " ไม่มีใครเกิดมาก็เป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีใครเป็นพระอารยะโดยธรรมชาติ " ทุกอย่างต้องอาศัยความวิริยะของตนเอง ขอเพียงแต่คุณพยายามบากบั่นสู้ไป คุณย่อมได้ในสิ่งที่ควรได้

         ในโลกนี้... มีคนบางคนต้องตกเป็นทุกข์ ด้วยคำพูดไร้สาระของคนอื่นเพียงประโยคเดียว ทำให้ถึงกับกินไม่ได้ บางคนทำตัวห่อเหี่ยวกลัดกลุ้ม นอนไม่หลับ เพราะความไม่พอใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คนประเภทนี้ ชีวิตจะสุขจะทุกข์ถูกผู้อื่นควบคุมบงการไว้หมด ถ้าคุณอยากดีใจก็ชมคุณสักคำสองคำ อยากทุกข์ก็วิจารณ์ว่าร้ายคุณสักหน่อย มีชีวิตอยู่ในกำมือของผู้อื่น ช่างน่าเวทนาเสียจริง

         เล่ากันว่าท่านท้าวสุวรรณในนรก รับบัญชาจากท่านยมบาลให้มาบอกคนบนโลกมนุษย์ว่ายังมีชีวิตเหลืออยู่อีกกี่ปี

         ท้าวสุวรรณนั่งอยู่ริมทางเดิน ในมือถือกระดิ่ง พูดกับนาย ก. ที่ปลดเกษียณเดินทางกลับบ้านเกิดว่า " เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ ๓ เดือน เมื่อครบ ๓ เดือน ข้าจะไปสั่งกระดิ่งที่บ้านเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินกระดิ่ง ชีวิตเจ้าก็จะดับทันที " ท้าวสุวรรณสั่นกระดิ่งอีกครั้ง พูดกับนาย ข. พ่อค้าที่เดินทางผ่านมาว่า " เจ้าจีมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ ๓ เดือนเช่นกัน เมื่อครบ ๓ เดือน ข้าจะไปสั่นกระดิ่งที่คฤหาสน์เจ้า แล้วชีวิตเจ้ก็จะดับตามเสียงกระดิ่งของข้า "



         ทั้งนาย ก. นาย ข. เมื่อได้ยินดังนั้น เกิดความวิตกกังวลอยู่ไม่เป็นสุขนับตั้งแต่วันนั้นมา นาย ก. คิดถึงแต่ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือนเท่านั้นก็เกิดความทุกข์โศก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกวันนั่งมองเงินทองที่หามาได้ด้วยความเศร้าหมอง ในมือก็คิดคำนวณถึงทรัพย์สมบัติที่ตนเก็บหาสั่งสมมาจากหยาดเหงื่อแรงงานชั่วชีวิต ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

         ทางฝ่ายนาย ข. เมื่อคิดว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสามเดือนเท่านั้นแล้วให้รู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสั้นนัก มีเงินทองมากมายล้นฟ้า จะมีประโยชน์อะไร จึงนำไปทำบุญให้ทานเป็นการใหญ่ สร้างสะพาน ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ความที่มัวแต่สาละวนอยู่กับการให้ทานจนลืมความทุกข์ของตัวเอง

         เมื่อครบกำหนดสามเดือน ท้าวสุวรรณก็มาที่้บ้านนาย ก. ตามนัดหมายความวิตกกังวล จิตใจเศร้าหมองจนร่างกายอ่อนแอ ดังนั้น เพียงแค่เห็นหน้าโดยที่ท้าวสุวรรณยังไม่ทันสั่นกระดิ่ง เขาก็ล้มลงสิ้นใจไปก่อนแล้ว ส่วนนาย ข. เนื่องจากได้ทำบุญทำทาน สร้างความสุขแก่ชาวบ้าน คนในชุมชนต่างสำนึกในคุณความดีของเขา จึงพร้อมใจกันมอบป้ายจารึกความดีให้ จัดริ้วขบวนแห่ ตีฆ้องร้องป่าวเป็นที่คึกคัก ดังนั้น ต่อให้เสียงกระดิ่งของท้าวสุวรรณจะดังแค่ไหน นาย ข. ก็ไม่ได้ยิน จึงยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป อีกทั้งสำนึกได้ว่าการทำความดีเป็นสุขที่สุด

         ฉะนั้น อนาคตของชีวิต สุขทุกข์ ได้เสีย ทุกอย่างเราคือผู้บงการ ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน




By ตื่นอย่างเซน

No comments:

Post a Comment