Wednesday, December 18, 2013

ชาวนาทิ้งหยก


ชาวนาทิ้งหยก

          ในรัฐเว่ย มีชาวนาผู้หนึ่งขณะที่กำลังไถนาอยู่นั้นได้ไถไปถูกก้อนหินก้อนหนึ่งมีขนาดเท่ากับโม่ ชาวนาพิจารณาดูหินสีขาวก้อนนั้นอยู่เป็นเวลานานก็ดูไม่รู้ว่าเป็นหินชนิดไหน เขาจึงเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยดู พอเพื่อนบ้านมาเห็นเข้าก็ดีใจ เพราะมันไม่ใช่หินธรรมดา แต่เป็นหยกที่มีค่ามาก เขามองไปรอบๆ แล้วกล่าวกับชาวนาว่า " นี่เป็นก้อนหินประหลาด ถ้าเอาไปไว้ในบ้านก็จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ควรรีบเอามันฝังลงดินเสีย "

           ชาวนาผู้นั้นฟังแล้วยังสงสัยอยู่ ไม่เชื่อสนิทนัก เขาจึงนำเอาหินก้อนนั้นกลับมาวางไว้ในบ้าน พอตกกลางคืน ก้อนหินที่นำมาส่องแสงเรืองๆ ไปทั้งบ้าน ชาวนาและคนในบ้านเกิดตกใจกลัวจึงรีบไปบอกเพื่อนบ้านคนนั้นอีก เพื่อบ้านแสร้งทำท่าทางน่าตกใจพูดว่า " แย่ละแก ภูตผีปีศาจกำลังจะมาแล้ว รีบเอามันไปทิ้ง
เสียเถอะ "

           ชาวนาจึงรีบกลับมาบ้านยกหินก้อนนั้นไปทิ้งในที่เปลี่ยวไกลออกไปจากบ้านมาก ส่วนเพื่อนบ้านที่คอยสังเกตอยู่แล้วก็สะกดรอยตามไปเอาหินก้อนนั้นพอวันรุ่งขึ้นเขาก็นำไปถวายกษัตริย์ของรัฐเว่ย พอกษัตริย์เว่ยเห็นหยกที่มีค่าก้อนใหญ่เช่นนั้นก็ทรงประหลาดพระทัยนัก รีบรับสั่งให้หาช่างหยกมาดู ช่างหยกเห็นแล้วทูลว่า " นับว่าเป็นบุญบารมีอันสูงส่งของพระองค์จึงได้หยกก้อนนี้มา " 

          กษัตริย์รัฐเว่ยตรัสถามว่า " หยกนี้มีราคาประมาณเท่าไร ? "

          ช่างหยกกราบทูลว่า " ขายเมืองห้าเมืองก็จะดูได้ไม่ถึงอึดใจ " กษัตริย์เว่ยทรงพอพระทัยมากตรัสสั่งให้ปูนบำเหน็จรางวัลเป็นจำนวนมากแก่คนที่นำหยกมาถวายในทันที

บันทึกใน " อิ่นเหวินจื่อ "



มุมมองปรัชญา

          เนื่องจากชาวนาผู้นั้นไม่มีความรู้ ดูไม่ออกว่าเป็นหินหรือหยก และหลงเชื่อคำของเพื่อนบ้านจึงได้เสียหยกอันมีค่าให้แก่เพื่อนบ้านที่หลอกลวงไป คนเราถ้าไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ ทางภววิสัยเป็นอย่างดี อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะแยกได้ว่าอะไรแท้อะไรเทียม อะไรจริงอะไรเท็จแล้วย่อมจะถูกหลอกถูกต้มได้ง่ายดายมาก ซึ่งบรรดานักต้มมนุษย์ทั้งหลายย่อมคอยหาช่องทางอยู่แล้วและไม่ยอมพลาดโอกาส คนเราจะพ้นสภาพเช่นนี้ได้ ก่อนอื่นจะต้องสลัดทิ้งความเชื่อที่งมงายเสริมการค้นคว้าวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ชาวนาผู้นี้ต้องเสียหยกไปก็เพราะหลงเชื่อว่า หินก้อนนั้นจะนำโรคภัยไข้เจ็บมาให้ตัวเอง ไม่ได้ค้นคว้าสอบถามดูจากหลายๆ คน จึงถูกเพื่อนบ้านหลอกลวงได้ง่ายๆ 




By ปรัชญาชีวิตใน สุภาษิตจีน

No comments:

Post a Comment