Wednesday, August 14, 2013

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๓๘ )

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๓๘ )
การสมรสแบบไทย

          โอกาสอันสำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา ช่วงหนึ่งหลังจากการเกิดก็คือการได้เข้าพิธีมงคลสมรส เพราะว่าพิธีนี้เป็นช่วงเวลาอันมีค่าช่วงหนึ่ง ระหว่างชายและหญิง ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันไปจนตลอดชีวิต ดังนั้น พิธีนี้จึงจัดให้มีขึ้นอย่างสวยงามและเป็นสิริมงคล เหนือสิ่งอื่นใดก็คือจะต้องมีการปรึกษาหารือกับโหรล่วงหน้า เพื่อตรวจชะตาราศีของคู่บ่าวสาว แต่ส่วนใหญ่พิธีมงคลสมรสนิยมจึดขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนที่เป็นสิริมงคลมากที่สุดสำหรับพิธีมงคลสมรส

           โดยปกติในชนบท ชีวิตการแต่งงานจะเริ่มขึ้นเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ในขณะที่ในเมืองอาจจะช้าไปจนถึง ๒๘ - ๓๕ ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ที่จะเข้าพิธีวิวาห์ด้วย ในขณะเดียวกันทุกวันนี้ หนุ่มสาวส่วนใหญ่พอใจที่จะเลือกคู่แต่งงานเอง การแต่งงานโดยมีผู้ใหญ่เป็นผู้เลือกคู่ให้นั้นมีน้อยมาก

           ที่จริงแล้ว จะต้องมีพิธีหมั้นและพิธีมงคลสมรสในวันเดียวกันไปเลย ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย พิธีหมั้นโดยปกติก็จะทำโดยการมอบแหวนหมั้นให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว ในขณะที่พิธีแต่งงานจะไม่สมบูรณ์ ถ้าหากไม่มีการมอบเงินสินสอดให้แก่บิดามารดาของเจ้าสาว โดยบิดามารดาของฝ่ายชายเป็นผู้มอบให้ตามจำนวนที่เรียกร้อง



          ช่วงน่าตื่นเต้นมากที่สุดของพิธีมงคลสมรสก็คือขบวนขันหมาก เพราะญาติๆ และเพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวจะเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ในขณะเคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาว ในขณะที่ในมือของผู้ร่วมขบวนก็เต็มไปด้วยสิ่งของที่จะมอบให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว

           พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้นในตอนเช้า โดยการสวดมนต์ของพระสงฆ์ และคู่บ่าวสาวและญาติ ก็จะตักบาตรพระพร้อมกัน หลังจากพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว พระภิกษุก็จะให้พรในขณะที่พระภิกษุผู้มีอาวุโสก็จะเดินไปรอบๆ เพื่อประพรมน้ำมนต์ให้คู่บ่าวสาวและทุกๆ คนที่เข้ามาร่วมในพิธีก่อนที่จะกลับวัด

           ต่อมาในช่วงบ่าย ก็จะมีการตระเตรียมเพื่อให้คู่บ่าวสาวได้เตรียมรับน้ำสังข์ คู่บ่าวสาวก็จะถูกจัดให้นั่งคู่กันในท่าหมอบ พร้อมทั้งยื่นมือออกไปข้างหน้าในท่าไหว้ ต่อมาแขกผู้มีเกียรติก็จะเข้าแถวกันรดน้ำสังข์ไปบนมือหรือศรีษะของคู่บ่าวสาว เพื่ออวยพรให้เขาทั้งสองมีชวิตการแต่งงานที่เป็นสุขราบรื่น พิธีต่อจากนั้นก็คือการเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านเจ้าบ่าว ( หรือเจ้าสาว ) หรือไม่ก็ที่โรงแรม ถ้าพิธีแต่งงานจัดขึ้นในเมือง

           หลังจากการจัดเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว พิธีสุดท้ายก็คือการส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอ ซึ่งจะเป็นห้องที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ ประดับด้วยดอกกุหลาบบนเตียงนอน พิธีนี้ส่วนใหญ่จะได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่และพิธีก็จบลงด้วยพิธีสุดท้ายนี้




By Essays on Thailand

No comments:

Post a Comment