Tuesday, October 06, 2015

คนแก่ที่น่ารัก



คนแก่ที่น่ารัก

         ในคัมภีร์พุทธศาสนามีบันทึกเรื่อง " เมืองคนแก่ " เรื่องเล่าว่า มีประเทศหนึ่งมองว่าคนแก่ไม่มีประโยชน์ จึงเอาคนแก่ในเมืองไปทิ้งไว้ในป่าเขา เมื่อคนแก่กลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้น พวกเขาจึงก่อตั้งตัวเองเป็นประเทศเล็กๆ

         อยู่มาวันหนึ่ง ประเทศที่ไม่ชอบคนแก่นี้ได้รับสารฉบับหนึ่งซึ่งฑูตจากประเทศหนึ่งส่งมา แต่ไม่มีใครในประเทศอ่านหนังสือในสารนั้นออกสักคนเดียว พระราชาจึงประกาศว่า ถ้าใครสามารถอ่านจดหมายฉบับนี้ได้จะมีรางวัลให้อย่างงาม มีขุนนางผู้ใหญ่ท่านหนึ่งขอพระบรมราชานุญาติให้เขานำจดหมายนั้นไปขอให้ผู้รู้อ่าน ในวันรุ่งขึ้นจึงสามารถอธิบายความในจดหมายนั้นได้ พร้อมทั้งตอบคำถามที่ในจดหมายได้ตั้งคำถามขึ้นว่า จะชั่งน้ำหนักช้างได้อย่างไร จะแยกแยะแม่ม้าได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่างูตัวไหนตัวเมียตัวไหนตัวผู้ เป็นต้น พระราชามีความยินดีมาก ทรงตรัสถามว่าทั้งหมดนี้รู้ได้อย่างไร ขุนนางผู้ใหญ่ท่านนั้นตอบว่า เป็นเพราะสติปัญญาของคนแก่นั่นเอง พระราชาจึงทรงยอมรับว่าการที่ตนเองไม่เคารพคนแก่นั้นเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นคนแก่ไม่เพียงน่ารัก แต่ยังมีประโยชน์อีกด้วย


          คนแก่ในสังคมปัจจุบันนี้ ไม่เป็นที่ยินดีของคนในครอบครัว ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะที่ว่าเป็นคนต่างยุค ยังมีเรื่องคนแก่ขี้บ่น ดื้อรั้น เจ็บป่วย จึงเกิดปัญหา เช่นว่า " แก่แล้วไร้ลูกหลานดูแล " เป็นเหตุให้คนแก่กลายเป็นสิ่งที่สังคมอยากทอดทิ้ง แต่ว่าเราที่เป็นคนแก่ ต้องรู้จักหาความสุข ในยามที่ต้องถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ ในเวลาที่เยาวชนต้องการขอความรู้จากเรา เราก็ไม่ควรยึดถือวิธีแบบเก่าๆ ที่เคยทำมา ทำให้เยาวชนไม่ยอมรับเรา มองว่าเราร่ำครึดื้อรั้นหยุดอยู่กับที่

          คนแก่ไม่ควรเอาความแก่มาขาย อย่าถือว่าตัวอาบน้ำร้อนมาก่อน แก่แล้วไม่ยอมปรับตัว แก่แล้วดื้อรั้น คนแก่ต้องมีหัวใจเด็ก ต้องมีนิสัยที่เปิดรับยึดมั่นถือมั่นได้แต่ก็ต้องปล่อยวางได้ แก่แล้วยังต้องมีประโยชน์ แก่แล้วแต่ยังน่าสนใจ ยังมีความสามารถอยู่

          คนแก่ที่สามารถรักษาจิตใจที่ไม่ยอมแก่ มีพลังเร่าร้อน ต้องทำตัวเป็นคนที่เกษียณแต่ไม่หยุดพัก เช่น บางคนอยู่บ้านเป็นเพื่อนเล่นกับหลาน บางคนไปกวาดถนนในสวนสาธารณะ บางคนไปเก็บขยะตามท้องถนน ตัวเองสามารถจัดการกับวิถีชีวิตของตัวเองได้ ไม่เพียงมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แต่ยังไม่เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคมอีกด้วย

          คนแก่ต้องมีสติปัญญา มีคุณค่าในการให้ข้อแนะนำแก่ผู้อื่นได้ คนแก่ยังต้องใส่ใจในการเรียนรู้พิเศษ เช่น การเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ เรียนภาษาอังกฤษ เรียนร้องเพลง เรียนวาดรูป อายุมากแล้วแต่ยังเรียนหนังสือได้ ศึกษาหาความรู้ เขียนหนังสือ ปฏิบัติธรรม เวลาในแต่ละวันจะผ่านไปง่ายขึ้น

          คนแก่ไม่ใช่อยู่ที่อายุ แต่อยู่ที่สภาวะจิตใจ คนแก่ไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย แต่อยู่ที่จิตวิญญาณ ถ้าอุปนิสัยและความสามารถสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ อยู่ในครอบครัวสามารถเป็นคนแก่ที่เชื่อฟังเหมือนเด็ก ทำให้คนสนุกสนาน ซึ่งไม่เพียงจะไม่เป็นที่รังเกียจของผู้คน แต่ยังเป็นคนแก่ที่น่ารักและมีความสุขได้




By เซนส่องทาง

No comments:

Post a Comment