Sunday, September 30, 2012

ปัจจุบัน



ธรรมะปัจจุบัน

         หิมะเพิ่งจะหยุดตก ท่านเหวินอี้ก็มาอำลาพระอาจารย์กุ้ยเซิน บอกว่าจะไปธุดงค์สักระยะหนึ่ง

         ท่านกุ้ยเซินรู้สึกว่าท่านเหวินอี้ควรจะอยู่ศึกษาให้ลึกซึ้งกว่านี้ แต่ท่านไม่สะดวกที่จะรั้งไว้ จึงเดินมาส่งที่ประตูวัด แล้วกล่าวว่า

         " ใครๆ ก็รู้ว่าโลกทั้งสามภูมิเป็นโลกสมมติที่จิตสร้างขึ้น สรรพสิ่งแตกต่างเพราะการแยกแยะ ถ้าเช่นนั้น ข้าขอถามเจ้าว่า... " พูดพลางชี้ไปยังก้อนหินก้อนหนึ่งในลานวัด ถามว่า " หินก้อนนี้อยู่ในใจหรืออยู่นอกใจ "

สิ่งที่ไหว



ใจต่างหากที่หวั่นไหว

         หลังจากท่านฮุ่ยเหนิงได้รับตำแหน่งต่อจากท่านหงเหริ่นพระสังฆปรินายกรุ่นที่ 5 แล้ว ท่านก็ออกเดินทางไปยังหนันไห่ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับการครองตำแหน่ง

         วันหนึ่ง ท่านฮุ่ยเหนิงได้ยินผู้คนพูดอย่างตื่นเต้นว่า วันนี้ท่านอิ่นจงจะมาบรรยายธรรมที่วัดฝ่าซิ่งซื่อ เมืองกวางเจา ท่านฮุ่ยเหนิงอยากฟังธรรม จึงเดินทางมาที่วัดฝ่าซิ่งซื่อ

          หน้าวัดปักธงห้าสีเป็นทิวแถวเพื่อต้อนรับพระอาจารย์ พระ 2 รูปเห็นธงทิวปลิวไสว พระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า " วันนี้ลมแรงจริงๆ พัดจนธงปลิวไสว " พระอีกรูปหนึ่งไม่เห็นด้วย แย้งว่า " ธงมิได้ปลิว ลมต่างหากที่ไหว " พระสองรูปนั้นเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ไม่นาน ฝูงชนก็มามุงดูกันใหญ่

Saturday, September 29, 2012

World Class (Positive Thinking ^ ^)

At my grandmother houses


This is world class mower

ดวงตาเห็นสัจธรรม




ท่านเต๋อซันบรรลุธรรม

         ท่านเต๋อซันได้ข่าวว่าศาสนาพุทธนิกายเซนเจริญรุ่งเรืองมากทางตอนใต้ของประเทศจีน ท่านรู้สึกไม่พอใจมาก ถึงกับบ่นพึมพัมว่า " ศาสนาพุทธลึกซึ้งและกว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง หลายคนบวชเรียนชั่วชีวิตยังไม่บรรลุธรรมไอ่พวกคนทางใต้ กล้าดีอย่างไรจึงคุยโวว่าธรรมมะของพวกเขาชี้ตรงใจชี้แนะทีเดียวก็บรรลุธรรมได้โดยฉับพลัน อาตมาจะไปเปิดโปงพวกนั้น "

         ว่าแล้ว ท่านเต๋อซันก็หาบคัมภีร์วัชรปรัชญาปารมิตาสูตรหาบใหญ่เดินทางออกจากมณฑลเสฉวน มุ่งหน้าสู่เมืองหลี่หยางในมณฑลหูหนัน


Friday, September 28, 2012

หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ




จะเป็นนักรบได้อย่างไร



จากกระจกเงาอันยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล
ซึ่งปราศจากจุเดเริ่มต้นและไร้จุดจบ
สังคมมนุษย์ก็เริ่มอุบัติขึ้นมา
ในครั้งนั้น การหลุดพ้นและความสับสนก็อุบัติขึ้นด้วย
เมื่อมีความกลัวและความสับสนสงสัย
เกิดขึ้นกับความเชื่อมั่นซึ่งเป็นอิสระแต่ปฐมกาล
ผู้คนอันขลาดเขลาจำนวนมากก็อุบัติขึ้น
เมื่อความเชื่อมั่นซึ่งเป็นอิสระแต่ปฐมกาล
ได้รับการยอมรับและดำเนินตาม
นักรบจำนวนหนึ่งก็อุบัติขึ้น
ผู้คนอันขลาดเขลามากมายเหล่านั้น
พากันซ่อนตัวอยู่ตามถ้ำเถื่อนพงไพร
ฆ่าพี่ฆ่าน้องและกัดกินเนื้อกันเอง
ต่างประพฤติเยี่ยงอย่างสัตว์
ต่างกระตุ้นเร้าความป่าเถื่อนในกันและกัน
ต่างมีชีวิตอยู่เยี่ยงนี้
เขาหล่อเลี้ยงและสุมไฟแห่งความเกลียดชังไว้
เขากวนสายน้ำแห่งราคะให้ขุ่นข้นตลอดเวลา
เขาเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนตมแห่งความเกียจคร้าน
ยุคสมัยแห่งความอดอยากและโรคระบาดก็อุบัติขึ้น
สำหรับผู้ที่อุทิศตนแค่ความเชื่อมั่นแต่ปฐมกาล
เหล่านักรบมากมายเหล่านั้น
บ้างก็ขึ้นสู่ที่สูงบนภูเขา
และสร้างปราสาทแก้วผลึกอันงดงามขึ้นที่นั่น
บ้างก็ไปสู่ดินแดนแห่งทะเลสาบและเกาะแก่งอันงดงาม
และสถาปนาเวียงวังอันน่ารื่นรมย์ขึ้น
บ้างก็ลงสู่ที่ราบลุ่ม
ทำการเกษตรเพาะปลูกข้าวเจ้า ข้าวบาเลย์และข้าวสาลี
ต่างอยู่ร่วมกันโดยไม่ทะเลาะเบาะแว้ง
มีแต่ความรักใคร่กระต้นเตือน
ผ่านความลี้ลับสุดหยั่งถึงซึ่งดำรงอยู่ด้วยตนเอง
เขาต่างอุทิศตนต่อจักรพรรดิริกเดน






By เชอเกียม  ตรุงปะ เขียน
     พจนา  จันทรสันติ แปล
     ( ซัมบาลา หนทางอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ )


ทนอัปยศ



ทนอัปยศ
เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

          ท่านเวี่ยฉวนเป็นพระเซนที่วาดรูปเก่งมาก เก่งระดับจิตรกรมืออาชีพหรือดีกว่านั้นเลยทีเดียว แต่ข้อเสียของท่านก็คือ ท่านชอบเรียกค่าวาดรูปตรงๆ ซื้อ - ขายต่อรองแบบไม่กระมิดกระเมี้ยนกันเลย ใครจะให้ท่านวาดรูป ต้องจ่ายค่าจ้างให้ก่อน เงินไม่มา พู่กันไม่ขยับ ท่านทำแบบนี้ได้ไม่นาน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเทะ ใครๆ ก็กล่าวหาว่าท่านทำตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ หน้าเลือด หน้าเงิน

           " สมัยนี้สังคมมันเสื่อมทราม ใจคนไม่เหมือนก่อน แม้แต่พระก็ยังโลภมาก หิวแต่เงิน "

           วันหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งมาว่าจ้างท่านเวี่ยฉวนให้วาดรูปให้ ท่านเวี่ยฉวนถามโพล่งว่า " จะจ่ายอาตมาเท่าไร "

Thursday, September 27, 2012

ไร้ซึ่งความหวาดกลัว


ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

          เล่ากันว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง ใจกล้ามาก ทุกเย็นเขาจะเดินทางเข้าไปในป่าลึกตามลำพังคนเดียว เพื่อนั่งสมาธิในถ้ำอันวิเวก

          พวกวัยรุ่นในหมู่บ้านคิดจะทดสอบความใจกล้าของพระธุดงค์รูปนี้

          เส้นทางจากวัดสู่ถ้ำอันวิเวก ต้องผ่านป่าสนรกครึ้มแห่งหนึ่ง กิ่งสนห้อยระโยงระยาง บางกิ่งโน้มต่ำระหัวผู้เดินผ่าน

          แผนทโมนๆ ของพวกวัยรุ่นมีอยู่ว่า พวกเขาจะขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นสน รอให้พระธุดงค์เดินผ่านในตอนกลางคืน พวกเขาก็จะเอื้อมมือออกมาจับหัวโล้นๆ ของพระธุดงค์เล่น รับรองพระธุดงค์จะต้องตกใจกลัว วิ่งหนีหกล้มหกลุกให้ได้หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งแน่ๆ

Wednesday, September 26, 2012

ความเห็นใจ

ผีพิการ

          ครั้งหนึ่ง ท่านฮุ่ยเหวยนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ ผีหัวขาดตนหนึ่งหิ้วหัวของตัวเองเข้ามาวิงวอนท่านฮุ่ยเหวยว่า

          " พระอาจารย์ ช่วยข้าด้วย หัวข้าขาดไป ข้าไม่มีหัว "

          หากเป็นคนทั่วไป เห็นผีเข้าคงตกใจจนสิ้นสติ แต่ท่านฮุ่ยเหวยกลับนั่งนิ่ง ไม่มีทีทาหวาดกลัวแม้แต่น้อย ท่านกล่าวว่า

         " ไม่มีหัวก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องปวดหัว "

         ผีหัวขาดได้ยินเช่นนั้นก็หายวับไปทันที

Tuesday, September 25, 2012

วิธีสร้างความร่ำรวย



หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์

          ชายยากจนคนหนึ่ง ทำงานงกๆ ทุกวัน แต่ไม่รวยสักที เขาเห็นคนอื่นไหว้พระไหว้เจ้าแล้วโชคดี ถูกหวยได้โชคได้ลาภเป็นประจำ จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่า " มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่ได้ไหว้พระไหว้เจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นคุณงามความดี ท่านก็เลยไม่ช่วยเหลือ... เอาแบบนี้ดีกว่า เราเลิกทำงาน แล้วหันไปไหว้พระไหว้เจ้า ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้โชคมีชัย ร่ำๆ รวยๆ มีกินมีใช้กับเขาสักที "

          คิดเช่นนี้แล้ว เขาจึงสั่งให้น้องชายอยู่ทำไร่ทำนาแทนตัวเอง ส่วนเขาก็จะปักหลักอยู่ที่ศาลเจ้าเทียนเสิน มาไหว้พระขอพรทุกเช้าค่ำ ไหว้เยอะๆ จะได้รวยเร็วๆ

วิธีลดการทะเลาะ



ทรายในกำมือ

           หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะออกเรือน มารดาจึงพามาไหว้พระเสี่ยงเซียมซีที่วัด จากนั้นก็มากราบคารวะพระอาจารย์เซน

           ผู้เป็นแม่ถามว่า " อาจารย์ ลูกสาวของข้ากำลังจะแต่งงาน แต่งงานไปแล้ว นางจะมีความสุข ชีวิตรักหวานชื่น ราบรื่นดีหรือไม่ "

           พระอาจารย์ยิ้มๆ แล้วพูดกับหญิงที่เป็นแม่ว่า " โยมลองกอบทรายสักกำมือหนึ่ง แล้วกำไว้ในมือ "

           ผู้เป็นแม่ทำตาม นางก้มลงไปที่พื้น กอบทรายขึ้นมากำมือหนึ่ง

วิธีแก้ปัญหาขอทาน




ใจขอทาน ไม่คิดพึ่งตนเอง

          ขอทานแขนด้วนคนหนึ่ง เดินมาขออาหารที่วัด ท่านเจ้าอาวาสพูดเหมือนไม่เห็นอกเห็นใจว่า " ขนอิฐพวกนี้ไปไว้หลังวัด แล้วข้าจะให้ข้าวกิน "

          ขอทานโกรธมาก พูดว่า " ข้ามีแขนแค่ข้างเดียว จะขนอิฐได้อย่างไร ไม่ให้ข้ากิน ก็อย่เอาข้มาล้อเล่นแบบนี้ "

          ท่านเจ้าอาวาสเดินไปที่กองอิฐ ใช้มือก้อนหนึ่งหยิบก้อนอิฐขึ้นมาแล้วพูดว่า " งานอย่างนี้ มีมือข้างเดียวก็ทำได้ "

          ขอทานจึงต้องใช้แขนข้างเดียวขนอิฐไปไว้หลังวัด เขาใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงจึงขนอิฐหมดกอง

สิ่งที่เซนแตกต่างจากคนทั่วไป


สิ่งที่เซนแตกต่างจากคนทั่วไป

          ศิษย์คนหนึ่งถามท่านฮุ่ยไห่ว่า " ท่านมีอะไรแตกต่างจากคนอื่นบ้าง "

          ท่านฮุ่ยไห่ตอบว่า " เวลาหิว ก็กินข้าว เวลาง่วง ก็นอนหลับ "

          ศิษย์คนนั้นรู้สึกแปลกใจมาก ถามว่า " แตกต่างจากคนอื่นตรงไหนครับ ใครๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น หิวก็กินข้าว ง่วงก็นอนหลับ "

          ท่านฮุ่ยไห่ตอบว่า " แตกต่างกันตรงมีสมาธิไงล่ะ คนอื่น เวลากินข้าว ก็จะคิดถึงเรื่องอื่น ไม่ตั้งใจกินข้าว เวลานอน ก็คิดโน่นคิดนี่จนนอนไม่หลับ ฝันวุ่นวาย แต่สำหรับข้า เวลากินข้าว ข้าก็ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ไม่คิดอย่างอื่น เวลานอน ข้าก็หลับลูกเดียว ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่ฝันเลอะเทอะ จึงหลับสนิท หลับสบาย อย่างนี้แตกต่างจากคนอื่นหรือไม่ "

Monday, September 24, 2012

Make This World Smile !!!!




Make World Smile

          Easily method to make this world smile. Just you make good things and transfer to other one and other one make as same as you. Look like up-line >> down-line 



          Then, to be a loop of make good things.

Saturday, September 22, 2012

แนวทางประเมินน้ำใจคน




แนวทางประเมินน้ำใจคน

               มีคำกล่าวว่า... " ใจคนลึกล้ำสุดหยั่งถึง "

          ขงจื้อกล่าวว่า... " ผู้มีแผนดี และใจสงบนิ่ง จะพบความสำเร็จ "

          ฉะนั้น คนที่พบอุปสรรคมากมายคือคนที่เปลี่ยนใจกลับไปกลับมา และคนที่หวั่นกลัวจะประสบความล้มเหลว

          เกี่ยวกับการประเมินน้ำใจคน มีทฤษฏีกล่าวว่า...

ทฤษฏีการหยั่งรู้


ทฤษฏีการหยั่งรู้

           ขงจื้อกล่าวว่า... " นิ่งก่อนจึงสงบ สงบก่อนจึงสุขใจ สุขใจก่อนจึงวิเคราะห์ วิเคราะห์ก่อนจึงหยั่งรู้ " นี่คือรูปแบบความคิดของคนโบราณ กล่าวคือ มุ่งเน้นให้รู็ว่า อะไรมาก่อน อะไรมาหลัง นอกจากนี้ขงจื้อยังกล่าวว่า... " เรื่องราวต่างๆ มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ ผู้รู้ว่าเรื่องใดมาก่อน เรื่องใดจะเกิดตามมา ผู้นั้นใกล้เคียงกับผู้รู้วิถีแห่งเต๋า " ( เต๋า แปลว่า ทางเดิน เต๋าของขงจื้อ กับเต๋าของเหลาจื้อมีทฤษฏีต่างกัน )

Friday, September 21, 2012

Death



Announcement

          Tanzan wrote sixty postal cards on the last day of his life, and ask an attendant to mail them. Then he passed away.

           The card read :

           I am depart from this world.

           This is my last announcement.

                                        Tanzan 

                                   July 27 , 1892

Mistake

Mistake 

          At the time, you did make a mistake, this is an good experience for learn  the new things. you would ask yourself. Why you did do it ? Or, Why you did not do it ? This is a selection  which  can not return to solve it. Everyone are not return for do everything that you don't in the past. The selection for do or not do , both had reasons of it own. So in the time, you  think , analysis or decide, you would confident and determine to avoid the feel you mistake. If mistake , you would think in good side for learn and belong with it. 

คนฉลาดมักเป็นเครื่องมือของคนโง่ Part 2





คนฉลาดมักเป็นเครื่องมือของคนโง่ Part 2

           ในพจนานุกรมสำนวน อธิบายคำว่า " คนฉลาดมักตกเป็นเครื่องมือของคนโง่ " ไว้ดังนี้

           " คนฉลาดช่วงใช้คนโง่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในสังคนเรานี้ มักเกิดปรากฏการณ์ตรงข้าม ตัวอย่างเช่น ใกล้เลิกงานแล้ว เห็นเพื่อนร่วมงาน คนหนึ่งทำงานยังไม่เสร็จ ในเมื่อทุกคนทำงานด้วยกัน จะกลับบ้านโดยทิ้งเขาไว้คนเดียวก็ไม่ดี ทุกคนทำงานเสร็จแล้ว จึงเข้าไปช่วยกันคนละไม้คนละมือ เห็นได้ชัดว่า คนฉลาดคนเก่ง ล้วนเป็นแบบนี้ ต้องทำงานมากกว่าคนโง่คนไม่เก่ง 2-3 เท่า "

           ข้างต้นนี้ คือ คำอธิบายในพจนานุกรมสำนวน ซึ่งแฝงนัย " คนฉลาดล้วนแต่เข้าเนื้อ " และ " คนฉลาดกลับสิ้นไร้ไม้ตอก "

Wednesday, September 19, 2012

Let oneself on




Let oneself on

          Sometime, something took you upset and you could not do anything. How do you do ? A thing that you will do is let oneself on. On the other hand,  I thought, why we don't see at the first point ? If that thing took you upset, you would ignore it. Because if you attend it, you could not do anything and one way to do is let oneself on. 

ผู้ไม่สับสน คือ ผู้รู้



          มีคำกล่าวว่า... " เป็นเรื่องไม่ยากที่จะปฏิบัติหากรู้วิธีที่ยากจริงๆ คือ การค้นหาวิธีที่ถูกต้อง " ขงจื้อกล่าวว่า... " ผู้ไม่สับสนคือผู้รู้ ผู้ไม่ทุกข์ร้อนคือผู้รักคน ผู้ไม่กลัว คือผู้กล้า " มีเพียงผู้กล้าและผู้ไม่ทุกข์ร้อน จึงสามารถท่องเที่ยวไปตามลำพัง กล่าวกันว่า จะเป็นผู้กล้าที่ไม่ทุกข์ร้อน ก่อนอื่นต้องบรรลุถึงการเป็นผู้รู้ คนเหล่านั้นกว่าจะเป็นผู้รู้ ต้องผ่านประสบการณ์มากมาย ขงจื้อกล่าวว่า... " กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองบรรลุถึงความเป็นผู้รู้ เขาผ่านชีวิตมาถึง 40 ปี " เมื่อบรรลุถึงความเป็นผู้รู้ จะเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องราวต่างๆ ใจเป็นสมาธิ สั่งการไม่สับสน ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดสามารถหลอกให้เขาหลงผิดได้ กล่าวกันว่า ผู้รู้มักเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นขยับ แต่คนอื่นไม่สามารถทำให้เขาเขยื้อน

คนฉลาดมักตกเป็นเครื่องมือของคนโง่ Part 1



คนฉลาดมักตกเป็นเครื่องมือของคนโง่ Part 1

          หนังสือเล่มหนึ่งพูดถึงคาร์เนกี้ นักบริหารผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเล่ากันว่า บนป้ายสุสานของเขาสลักข้อความไว้ว่า " ผู้เคยช่วงใช้คนจำนวนมากที่มีความสามารถเหนือกว่า หลับชั่วนิรันดรที่นี่

          กล่าวกันว่า คุณมิซาว่า ชิโยจิ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิซาว่าเลือกใช้ " คนมีความสามารถเหนือกว่ากรรมการผู้จัดการ " ตลอดมา

          เห็นได้ว่า " คนที่สันทดในการใช้คนที่เหนือกว่า " มีความสามารถแตกต่างกับ " คนฉลาด " อย่างชัดเจน ซึ่งกคือ " ความสามารถในการแสร้งโง่ " แล้วความสามารถชนิดนี้ มันคืออะไร ?

Don't Laying down




Don't laying down

           A man asked Zen master, that problem he can't through anyway. " Master, how do I laying down something or somebody ? "

           Master replied " every thing can laying down "

           A man disputed, " I do anyway but con not laying down "

           Then, Master assigned a man hold a cup. Then master poured hot tea full until overfull.

           A man hurt by hot tea and let a cup of tea fall down. 

           At the time, Master taught him, " No everything in the world can not laying down when be more and more suffer, it will laying down naturally. "


Tuesday, September 18, 2012

The most valuable thing in the world




The most valuable thing in the world
          
          Sozan, a Chinese Zen master, was asked by a student. " What is the most valuable thing in the world
          The master replied. " The head of dead cat. "

          " Why is head of dead cat most valuable thing in the world. " Inquire a student.

          Sozan replied. " Because on one can name its price. "
 

Everything is Best




Everything is best

             When Banzan walking through a market he overheard a conversation between a butcher and his customer.

           " Give me the best peace of meat you have. " said the customer.

           " Everything in my shop is the best. " replied the butcher. " You can not find any meat that is not the best. "

           At this word Banzan became enlightened.

Is That So ???



Is That So ?

           The Zen master Hakuin was praised  by his neighbors as one living a pure life.

            A beautiful Japanese girl whose parents owned a foods store lived near him. Suddenly, without any warning , her parents discovered she was with child.

            This made her parent very angry. She would not confess who the man was, but after much harassment at last named Hakuin.

            In great angry the parents went to the master. " Is that so ? " was all he would say.

Monday, September 17, 2012

การควบคุมกระแสสังคม




       ในสมัยโบราณ ผู้ปกครองต้องการรักษาอำนาจของตนให้คงนาน ดังนั้นจึงค้นหาวิธีต่างๆ และหนึ่งในวิธีการรักษาอำนาจก็คือการปลูกฝังค่านิยมบางอย่างแก่ราษฎร ตัวอย่างเช่น ปลูกฝังให้ราษฎรเชื่อเรื่องผีสาง ปลูกฝังให้ราษฎรเชื่อว่า กษัตรย์คือโอรสสวรรค์ ปลูกฝังให้ราษฎรเชื่อเรื่องคุณธรรม

        เมื่อราษฎรถูกปลูกฝังให้เชื่อถือในสิ่งเหล่านี้ ผู้ปกครองจะใช้สิ่งนี้มาควบคุมราษฎร ดังนั้น ผู้ปกครองจึงสมารถรักษาอนาจของตนให้คงนาน

อุปนิสัยของ " คนโง่ " และ " คนฉลาด "





        " โง่ " มีนัยค่อนข้างประหลาด สำนวนต่อไปนี้จะช่วยให้เราเข้าใจนัยของคำว่า " โง่ " ชัดขึ้น

        * คนโง่โชคดี

        * คนฉลาดกลับสิ้นไร้ไม้ตอก

        * คนฉลาดที่โง่ คนโง่ที่ฉลาด

        หมายความว่า " โง่ " แฝงนัย " โชคดีและประสบความสำเร็จ " นี่คือ นัยหนึ่งที่เราเรียนรู้จากสำนวนโบราณ คนส่วนใหญ่จะรู้สึกสับสนงุนงงเมื่อนำ " ความโง่ " ไปเปรียบเทียบ " กับความฉลาด " ซึ่งเป็น " จินตภาพ " ที่ขัดแย้งกัน ทว่าที่จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลก

Cup of tea

        

Cup of tea         

        Nan - in, a Japanese Master during the Meiji era ( 1868 - 1912 ), received a university professor who came to inquire about Zen.

        Nan - in serve tea. He poured his visitor's cup full, and then kept on pouring.

        The professor watched the over flow until he no longer could restrain himself

Sunday, September 16, 2012

If You Love, Love Openly





If You Love, Love Openly

        Twenty monk and one nun, who was name Echun, were practicing meditation with a certain Zen master.

         Echun was very pretty even though her head shaved and her dress plain. Several monk secretly fell in love with her. One of them wrote her a love letter, insisting upon a private meeting. 

         Echun did not reply. The follow day the master gave a lecture to the group, and when it was over, Echun arose. Addressing a one who written her, she said " If you really love me so much, come and embrace me now.

Zen's tale " Muddy Road " ( ดี ชั่ว วัดกันที่เจตนา )




        Today, I have a Zen's tale to telling for you. This tale I found within Norasath' s website. And I though this story is awesome,we can apply to use in daily life, so you 'll prove.

Muddy Road 

         Tanzan and Ekido were once travelling together down a muddy road. A heavy rains was still falling.

         Coming around the bend, they met a lovely girl in a silk kimono and sash, unable to cross the intersection.

          " Common girl ", said Tanzan at once. Lifting her in his arms, he carried her over the mud.

Amount of Happiness



The amount of happiness that you have
depends on the amount of 
freedom you have in your heart


ปริมาณความสุขที่คุณมี
จะขึ้นอยู่กับ
ปริมาณความอิสระในใจคุณ




By Thich Nhat Hanh
Thai by PUMICE

ปรัชญาของผู้สันโดษ

     


         เจิงกว๋อเสิ่น ( จังก๊กซิ่ม ) กล่าวว่า... " สุภาพชน มีความต้องการอยู่อย่างสันโดษ ดังนั้นจึงไม่ปล่อยให้คนอื่นอ่านใจเขาออกอย่างง่ายดาย "

         มีคำกล่าวว่า... " คนที่ยืนอยู่ในที่ไม่มีใครรู้ เขาย่อมยืนอยู่อย่างสงบ หากคนผู้นั้นขยับเมื่อใดตัวตนย่อมปรากฏให้คนเห็น และอาจตกเป็นเป้าโจมตี ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวที่ไร้ร่องรอย กับการเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย การเคลื่อนไหวที่ไร้ร่องรอยจะพิชิตการเคลื่อนไหวที่เปิดเผย และความคิดในยามจิตสงบนิ่ง จะพิชิตความคิดที่จิตเคลื่อนไหว ส่วนผู้ต้องการจะบรรลุถึงความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงต้องมีจิตใจที่สงบนิ่ง "

Saturday, September 15, 2012

Walk to Freedom


Fifty Years of age, Sixty-six Days Walking and over 1,000 Kilometers
of
Adventure Toward Freedom from Cyclical Suffering


...  this walk does not only intend
to eliminate the fear within me 
but also to lesson
fear in society

       .... To truly live in this world, the most valuable and wonderful thing is love. Love is not a desire to possess and take from others but rather a joyful feeling to make our loved ones happy.

จิตวิทยาเกี่ยวกับ " คนโง่ " และ " คนฉลาด "

   

       การใช้คำว่า " คนโง่ " และ " คนฉลาด " นั้น มีส่วนประกอบทางจิตวิทยาอยู่มาก

        เรามักบริภาษว่า " ไอ้หมอนั่นโง่ฉิบ...ไม่รู้...งมอะไรอยู่ " แต่ไม่ได้คิดว่า " เขาโง่จริง " คนถูกบริภาษก็ไม่ติดใจ ทว่า บางครั้งเราก็ถูกตอบโต้อย่างคาดไม่ถึง

        ปกติแล้ว ผมเห็นว่า " การแสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้งกับผู้หญิงเป็นเรื่องโง่ " จึงไม่เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภรรยา ถ้ามีปากเสียงกันบ้าง ก็แสร้งแพ้ ทั้งที่เธอไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ครั้งหนึ่ง ผมบริภาษเธอว่า

        " แกนี่โง่บรม พูดแบบนี้ไม่มีเหตุผลเลย "

        ผลที่ตามมา ภาายาปั้นหน้ายักษ์สวนกลับมาทันทีว่า

        " อะไร !? แกนั่นแหละโง่ "

        ผมลืมเหตุผลที่บริภาษเธอว่า " โง่ " ไปแล้ว แต่ผมเกิดความรู้สึกลึกๆ ว่า ความรู้สึกนึกคิดของผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกันอย่างมาก หมายความว่า ในสายตาของเธอนั้น ผู้ชายทำอะไร ล้วนแต่ " งี่เง่า " เช่น 

อดกลั้น 100 ครั้ง


อดกลั้น 100 ครั้ง 
เพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญ

        กล่าวกันว่า นักรบที่แท้จริงคือผู้มีความอดทนและมีความอดกลั้นเหนือกว่านักรบธรรมดาเปรียบเทียบระหว่างนักรบ 2 คน คนที่มีความอดทนสูงกว่า และมีความอดกลั้นสูงกว่า ผู้นั้นจะมีฝีมือสูงกว่า

        การอดทนและการอดกลั้นเพื่อดำรงตนในช่วงที่สถานการณ์ไม่อำนวย เป็นความอดทนและอดกลั้นอย่างสูงที่คนทั่วไปทนไม่ได้ และเมื่อสถานการณ์อำนวย จะรุกเข้าสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยม

        แต่อย่างไรก็ตาม การรุกเข้าสังหารนี้ไม่ถือว่าเป็นความป่าเถื่อน แต่ถือว่าเป็นรูปแบบการใช้สงครามยุติสงคราม และถือว่า เป็นสิ่งที่สมควรทำ

Women Show the Ways to Maturity





        There's no single way to achieve a well adjusted life. However, there are at least three different, but equally effective paths that lead to psychological maturity, according to a 39 - year study of women who were first contacted as college seniors.

        The study, in Journal of Personality and Social Psychology, traced psychological development in 111 graduates of a private women's college. Participants completed questionnaires at five points between ages 21 and 60. Their psychological maturity was rated on a variety of scales.

Friday, September 14, 2012

เรื่องต่างๆ 99% นั้นผมไม่รู้

         

เรื่องต่างๆ 99% นั้นผมไม่รู้

         ผมอ่านหนังสือที่คุณมัตสุชิตะเขียน พบข้อความหนึ่งน่าสนใจมาก ท่านเขียนไว้ว่า " เรื่องต่างๆ 99% นั้นผมไม่รู้ "

         ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้ารู้ว่าข้อความข้างต้นนี้ คุณมัตสุชิตะเป็นคนเขียนจะรู้สึกสะดุดใจอย่างมาก

          เราต่างคิดว่าตัวเองมีความรู้ไม่น้อย จึงเกิดความรู้สึกผิดๆ ว่า " ตัวเองรู้ " โชคดีผมมีโอกาสตื่นจากความรู้สึกที่ผิดดังกล่าวหลายครั้ง


  1. สมัยผมเรียนมัธยมปีที่ 2 ผมไม่มีความรู้เรื่องแมงมุนเลย ต่อมาผมพบอีกว่า สิ่งที่ผมไม่รู้ยังมีอีกมาก
  2. สมัยเรียนมัธยมปลาย ผมมีโอกาสเปิดสารานุกรม ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าความรู้ช่างไร้ขอบเขตโดยแท้ จึงสิ้นหวัง ไม่อยากหาความรู้อีก
  3. สมัยทำงานโฆษณาอยู่ในบริษัทเคนสึ ผมเกิดความรู้สึกอย่างมากว่า ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของชาวญี่ปุ่น 100 ล้านคน ถ้าจะทำความเข้าใจ คงมิใช่เรื่องง่าย

หลักปฏิบัติที่ทำให้คนญี่ปุ่นอดทนอดกลั้น




หลักปฏิบัติ 3 ข้อ 
ที่ทำให้คนญี่ปุ่นอดกลั้น 
และ การเรียกบูชิโดอย่างถูกต้อง

         การที่ชาวญี่ปุ่นต้องประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างร้ายแรง ทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ และมีแนวโน้มที่จะถูกซ้ำเติมจากสารกัมมันตรังสี ที่รั่วออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตกันอย่างสงบ ปราศจากการโวยวาย หรือ ก่อจราจลหรือปล้นสะดมภ์ พวกเขาทำได้อย่างไร

         ทั้งนี้ เวลาพูดถึงคนญี่ปุ่นหลายคนมักจะให้คำจำกัดความพวกเขาว่า " เลือดบูชิโด " และการที่พวกเขายังคงสงบ และมีวินัยแม้จะเพชิญภัยพิบัติ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียญาติพี่น้อง เพื่อนและทรัพย์สิน พวกเขาก็ยังคงอยู่ในวินัย ก็เลยทำให้คิดว่าเป็นเพราะ การเป็นสายเลือด " บูชิโด " อีกเช่นกัน

          ที่จริงแล้ว บูชิโดไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลยแม้แต่น้อย เพราะประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีแต่ซามูไร ยังมีชาวไร่ ชาวนา พ่อค้า และอื่นๆ แต่สิ่งที่ผู้คนเหล่านี้มีเหมือนกัน 3 สิ่งคือ สิ่งที่พวกเขาถือเป็นหลักปฏิบัติ สั่งสอนกันตั้งแต่เข้าโรงเรียนด้วยซ้ำ นั่นคือ

สุภาษิตว่าด้วยความอดทนและอดกลั้น

     


         " เรื่องราวต่างๆ ที่ประสบ จะพบว่า 9 ใน 10 เรื่องเป็นความผิดหวังมีเพียงผู้มีใจมั่นคงซึ่งสามารถอดทนและอดกลั้น ยึดมั่นในเป้าหมายเดิมอย่างแน่วแน่ จึงสามารถพบความสำเร็จ แม้จะทุกข์ยากเพียงใด เคียดแค้นสักเพียงใหน หากผู้นั้นยังมีใจแน่วแน่ในเป้าหมายเดิม สักวันหนึ่งจะต้องสำเร็จ "


ซุนยัดเซ็น

         " เรื่องราวต่างๆ ในโลกนี้สำเร็จ ด้วยการเคลื่อนไหวก่อการ ผู้ก่อการสำเร็จคือผู้ยึดมั่นในเป้าหมายเดิม ไม่มีสิ่งใดสามารถล่อหลอกให้เขาทิ้งเป้ามายเดิม ในที่สุดผู้มีใจแน่วแน่บรรลุความสำเร็จ "


ซุนยัดเซน

         " ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณ ไม่เพียงมีความสามารถ แต่ยังเป็นผู้แน่วแน่ในเป้าหมายเดิมอย่างไม่ผันแปร "

Thursday, September 13, 2012

ชกต่อย ต้องแพ้กลับมา

         

        ทุกคนต่างรักศักดิ์ศรี ซึ่งบางครั้งแสดงออกด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม รักหน้า อวดรวย และดื้อรั้น ทั้งหมดนี้ถูกชักนำด้วยความต้องการบงการและความปราถนาทางเพศนั่นเอง

         เวลาเห็นเพศตรงข้าม เราจะรู้สึกคึกคักตื่นเต้น นี่คืออารมณ์ที่เกิดจากสัญชาตญาณ บางครั้งถึงกับพยายามแสดงตัวเด่นโดยไม่รู้ตัว

         มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ ชกต่อยแพ้เขา ก็จะโกรธแค้น ถ้าเป็นเรื่องน่าปิติยินดี จะจางหายอย่างรวดเร็ว แต่ความโกรธแค้นกลับจะกายเป็นตะกอนตกค้างในใจยาวนาน

Clara Schumann



          Clara Schumann ( 13 September 1819 - 20 May 1896 ) was a German musician and composer, considered one of the most distinguished pianist of Romantic era. She exerted her influence over a 16 years concert career, changing the format the repertoire of the piano recital and the tastes of the listening public. Her husband was the composer Robert Schumann. She and her husband encouraged Johannes Brahms, and she was the first pianist to give public performances of some of Brahms' work, notably the Variations and Fugue on a Theme by Handel.

         Clara Schumann Quotes 

Wednesday, September 12, 2012

เหลาจื้อพบเต๋า



        สมัยโบราณ ผู้คนเชื่อเรื่องสวรรค์และเชื่อเรื่องเทพเจ้า แม้แต่เรื่องโชคชตาก็เชื่อว่าสวรรค์กำหนด ฉะนั้น เมื่อคนทำดีแล้วกลับเคราะห์ร้ายพวกเขาจะบอกว่า สวรรค์ไม่มีตา ส่วนบางคนไม่กล้าโทษสวรรค์กลับพูดว่าชาติก่อนตนทำไม่ดีไว้ ชาตินี้จึงต้องใช้กรรม

        เมื่อมาถึงสมัยเหลาจื้อ เหลาจื้อศึกษาความเป็นไปของธรรมชาติและกล่าวว่าไม่มีสวรรค์ไม่มีเทวดาทุกสิ่งดำเนินไปตามวิถีธรรมชาติ

        ในช่วงเวลานั้น แนวคิดของเหลาจื้อสวนทางกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ฉะนั้น เหลาจื้อจึงถูกดูแคลน ถูกหัวเราะเยาะ และถูกเสียดสีต่างๆ นานา แต่เหลาจื้อกลับไม่สนใจกลับมุ่งศึกษาธรรมชาติ

         ในที่สุด เหลาจื้อค้นพบว่า ธรรมชาติของสรรพสิ่งเกิดเป็นคู่ มีกลางวันก็มีกลางคืน มีร้อนก็มีหนาว มีโชคดีก็มีโชคร้าย มีตัวผู้ก็มีตัวเมีย มีเกิดก็มีตาย ....

          หากไม่มีความดีก็ไม่มีความชั่ว หากไม่มีสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่มีสิ่งที่ผิด

จิตวิทยาเกี่ยวกับ " รู้ " " ไม่รู้ "

         


         สำนวนหนึ่งของผมคือ " โลกนี้ประกอบขึ้นจากความรู้สึกและความเข้าใจที่ผิด " หมายความว่า ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับจิตวิทยา

         กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ผมจึงค้นพบจิตวิทยาเกี่ยวกับ " รู้ " และ " ไม่รู้ " ขอเพียงรู้สึกว่า " ไม่รู้ " ความอยากรู้อยากเห็นที่มีลักษณะเสริมสร้างสติปัญญา ก็จะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่รู้สึกว่า " รู้ " แล้ว ก็จะขาดความสนใจใคร่รู้

          ความอยากรู้อยากเห็นเป็นสัญชาตญาณหนึ่งของมนุษย์เรา ซึ่งแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือความอยากรู้อยกเห็นที่มีลักษณะเสริมสร้างสติปัญญา ทำให้คนเรา " อยากรู้ " อย่างรุนแรง แต่หลังจากผ่านวัยหนุ่มสาว ถึงวัยวิจารณญาณเริ่มก่อตัว ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดก็จะกลายเป็น " ทัศนคติ " ที่ " เข้าก่อนเจ้าบ้าน " ย้อนกลับมากด " ความอยากรู้อยากเห็น " แต่เดิม นี่คือสภาวะจิตแบบ " อนุรัษย์นิยม " ที่โน้มไปทางเชื่อว่า " ผมรู้ " " ผมเข้าใจ " " สังคมเป็นแบบนี้เอง " ฯลฯ

ขงจื้อ พบ เหลาจื้อ

     


          ครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมาจากรัฐลู่ ( หลู่ ) เพื่อมาขอคำแนะนำจากเหลาจื้อ ชายหนุ่มผู้นี้คือขงจื้อ เหลาจื้อเห็นว่าขงจื้อเป็นคนหนุ่มที่อายุน้อยแต่มีความรู้ลึกซึ้ง จึงยินดีที่จะให้คำแนะนำ

        ขงจื้อถามเหลาจื้อเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมของราชวงศ์จิว เหลาจื้อรู็สึกว่าขงจื้อเป็นคนหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นจะช่วยมวลชน แต่จากประสบการณ์ของตนเองรู้ว่าคนที่มีลักษณะนี้จะต้องพบอุปสรรคมากมาย ดังนั้นเหลาจื้อจึงกล่าวเตือนสติขงจื้อว่า... " เจ้าเดินทางมาจากแดนไกลเพื่อมาถามข้าเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมของคนโบราณ ซึ่งผู้คนเหล่านั้นล้วนตายไปนมนาน แม้แต่กระดูกก็เน่าเปื่อยสิ้น เหลือเพียงถ้อยคำที่บันทึกไว้ คนรู้จักคิดนั้นในยามที่พบว่าสามารถทำ

Tuesday, September 11, 2012

ความเห็นของเหลาจื้อ

   

             ในสมัยที่จิวเก้งอ๊วง ( โจวจิ่งหวาง ) เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จิว ( โจว ) ( ก่อน ค.ศ.520 ปี ) ในยุคนั้น บรรดานักการเมืองของรัฐต่างๆ เกิดการถกเถียงกันว่า รูปแบบการปกครอง " โหลตี่ " ( หลี่จื้อ ) กับ     " หวกตี่ " ( ฝ่าจื้อ ) แบบใหนดีกว่า

         " โหลยตี่ " ( หลี่จื้อ ) หมายถึงการปกครองโดยใช้ขนบธรรมเนียมที่ดี เป็นแนวความคิดของ พวกบัณฑิตหยู พวกบัณฑิตหยูคือพวกที่นับถือลัทธิขงจื้อ ขงจื้อนำเสนอให้ปกครองโดยใช้ " โหลยตี่ " ( หลี่จื้อ ) โดยกล่าวว่า... " ปกครองโดยใช้กฏหมายและใช้การลงโทษ ราษฏรจะหลบหลีกและไร้ยางอาย ส่วนปกครองโดยใช้ความดีและการให้เกียรติ ( หมายถึง การแสดงมารยาทที่ดีต่อราษฏร ในที่นี้คือการปกครองแบบโหลยตี่หรือหลี่จื้อนั่นเอง ) ราษฏรจะละอายต่อการทำผิดและยังเป็นราษฏรที่มีมาตรฐานที่ดี "

          " หวกตี่ " ( ฝ่าจื้อ ) หมายถึง การปกครองโดยใช้กฏหมาย ผู้ใดกระทำผิดจะลงโทษไม่ละเว้น

Monday, September 10, 2012

อุดมการณ์ที่ไม่ตาย


ขอให้เราอย่านึกถึงตัวตนของบุคคล
ซึ่งย่อมร่วงโรยไปตามกาลเวลา
แต่ขอให้นึกถึงงานอันอมตะของเขา
บุคคลอาจะแตกต่างด้วยกำเนิด
ด้วยฐานะและการศึกษา
แต่การเสียสละเป็นยอดแห่งคุณธรรม
ที่ยกให้มนุษย์อยู่ในระดับเดียวกัน


" นายฉันทนา "


By มาลัย ชููพินิจ หนึ่งในผู้ปฏิบัติงานเสรีไทย
          ( เสรีไทย อุดมการณ์ที่ไม่ตาย )

Nikon D3200

D 3200 SIMPLY EFFORTLESS, SIMPLY STUNNING
         Take your photos and your videos to the next level. Unrivaled 24.2 megapixel DX-format CMOS sensor for truly dazzling photos and full HD 1080p movies in any light . Innovative Guide Mode to help you master the camera. HD - SRL power, point - and - shoot ease .

A NEW LEVEL OF IMAGE QUALITY, A FAMILIAR WAY OF SHARING
       
         Don't let the D 3200's compact size and price fool - you packed - inside this easy to use HD - SRL is serious Nikon power . a 24.2 MP DX - format CMOS sensor that excels in any light, EXPEED 3 image - processing for fast operation and creative in camera effects, Full HD ( 1080p ) movies recording, in cameras tutorials and much more. What does this mean for you ? Simply stunning photos and videos in any setting. And now, with NIKON's optional wireless Mobile adapter, you can share those masterpiece instantly with your Smartphone or tablets !!


อย่าบอกคนโง่ " แสร้งโง่ "



       ครั้งหนึ่ง ขณะที่มีคนบอกผมว่า " อย่าบอกคนโง่ แสร้งโง่ " ผมรู้สึกงงอยู่บ้าง แต่ผมก็ตอบไปว่า

       " ในเมื่อโง่อยู่แล้ว บอกให้เขารักษาความโง่ไว้ เป็นอันใช้ได้ "
       
       อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขารักษาความโง่ไว้ ก็เกรงจะเป็นที่เข้าใจผิดหรือ เกลียดชัง เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เรามักจะมีทัศนะคติในแบบว่า

       ความรู้  >>>> ฉลาด = ดี

       ไม่มีความรู้ >>>> โง่ = ไม่ดี

       ถ้าต้องการให้คนที่มีทัศนะคติดังกล่าวฝังลึก เข้าใจคำแนะนำของผมจะต้องทำลาย " การบูชาความรู้ " ของพวกเขาก่อน ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนสินค้ามิใช่จะขายออกง่ายๆ มีความจำเป็นต้องทำลาย " การบูชาความรู้ " มากขึ้น คนที่หงุดหงิดกลัดกลุ้มกับความขัดแย้งและทฤษฏีเชิงซ้อนดังกล่าวจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ป่วยโรคลักษณะประสาทเพิ่มขึ้นตาม

ปรัชญาเหลาจื้อในคัมภีร์เหลาจื้อ

     


         นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า เหลาจื้อนี้ เหลาจื้อสมชื่อ เพราะเหลาจื้อปรากฏชื่อในครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็เป็นคนอายุมากแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ชีวิตวัยเด็กของเหลาจื้อ ราวกับว่าเหลาจื้อไม่มีวัยเด็ก

         เหลาจื้อกับปรัชญาของเขา นับว่ามีอิทธิพลต่อวงการนักคิด ปรัชญาเหลาจื้อโด่งดังในประเทศจีนเป็นเวลา 2 พันกว่าปีมาแล้ว ไม่เพียงโด่งดังในประเทศจึน แม้ต่างประเทศก็ได้รับอืทธิพลจากปรัชญาเหลาจื้อ

         ในหนังสือเรื่อง " ตงกกและซื่อเหมี่ยยิ้งกู่สื่อ " ( บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีน ) ผู้ขียนได้วิเคราะห์ว่า คัมภีร์เหลาจื้อมีความคิดอย่างน้อย 4 แบบ ที่ไม่สอดคล้องกัน จึงสันนิษฐานว่า คัมภีร์คงถูกต่อเติมอย่างน้อย 4 ครั้งขึ้นไป

         ความคิดที่ 1 เห็นว่า..." วิถีแห่งสวรรค์ยุติธรรมที่สุด ปราศจากความเห็นแก่ตัว และมักให้คุณแก่คนดี ราษฏรอดอยากเพราะทางการเก็บภาษีหนัก " นี่คือแนวคิดของคนที่เที่ยงธรรม

         ความคิดที่ 2 เห็นว่า ... " ไม่ต้องการสติปัญญาของจอมปราชญ์ ไม่ต้องการคนรักคน ไม่ต้องการการกระทำที่สมควร แต่ต้องการให้มนุษย์กลับปใช้ชีวิตอย่างคนดึกดำบรรพ์ โดยมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย "

         ความคิดที่ 3 เห็นว่า..." เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะอวดฉลาดมิสู้แกล้งโง่ ขอเพียงมีข้าวกินก็พอใจ "

        ความคิดที่ 4 เห็นว่า... " ผู้ที่จะชนะต้องควบคุมกฏแห่งความเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า ต้องทำให้ศัตรูหัวปั่น และ ต้องทำให้ราษฏรโงาเขลา "



ป.แผนสำเร็จ ( ปรัชญาการดำรงตนของจอมปราชญ์ : สรรนิพนธ์จอมปราชญ์ )

Sunday, September 09, 2012

ผมผิดเอง Part 2

   

         สมัยผมเรียนมัธยมปลาย ผมมีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งชื่อ ฟูจิโอขะ โมโตฮิโขะ เป็นคนชนบทแถบอำเภอกิฟู ครั้งหนึ่ง เพื่อนนักเรียนทะเลาะกัน อาจารย์โมโหมาก ถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า " ใครเป็นคนก่อเรื่องวุ่นวาย ? " พร้อมกับบอกให้ลุกขึ้นยืน นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบที่เห็นอาจารย์เกิดโทสะ ทันใดนั้น มีนักเรียนคนหนึ่งลุกขึ้นพูดว่า " ผมเป็นคนก่อเรื่องเอง " เขาก็คือ ฟูจิโอขะ

        ผมเกิดความรู้สึกทันทีว่า " เขารับโทษแทนคนอื่นอย่างสมัครใจ " พร้อมกับคิดว่า " ไอ้หมอนี่ยิ่งใหญ่จริงๆ " ต่อมาเขาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยนาโกยา เข้าทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง สามารถไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการบริหารของธนาคารในเวลาอันสั้น เมื่อเทียบกับกรรมการคนอื่นๆ